ประกันชั้นหนึ่งต้องตรวจสถาพรถไหม

ชื่อผู้แต่ง : ประกันภัย แสงทองโบรคเกอร์
วันที่เผยแพร่: 24 กันยายน พ.ศ.2565
หนึ่งในคำถามยอดฮิตที่หลายคนมักจะเกิดข้อสงสัยก่อนทำประกันชั้น 1 ก็คือเรื่องของการตรวจเช็คสภาพรถ ซึ่งบทความนี้มีคำตอบให้ทุกคนเกี่ยวกับขั้นตอนตรวจเช็คสภาพรถว่าเป็นอย่างไร ตรวจเช็คสภาพรถราคาเท่าไร และควรตรวจเช็คสภาพรถที่ไหนดีเพื่อให้ได้รับการอนุมัติความคุ้มครองจากบริษัทประกันตามที่เราต้องการ
ทำไมถึงต้องตรวจเช็คสภาพรถ
ก่อนที่จะถูกอนุมัติทำประกันรถยนต์ หลายบริษัทประกันภัยจะพิจารณาให้ความคุ้มครองโดยการตรวจเช็คสภาพรถของเราก่อน เพื่อประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการเกิดความเสียหายของตัวรถยนต์ ซึ่งการตรวจเช็คสภาพรถจะขึ้นอยู่กับความต้องการในการซื้อประกันของเราด้วยว่า ทำแผนประกันประเภทไหน ซึ่งถ้าเป็นประเภทความคุ้มครองของประกันรถยนต์ชั้น 1 จะต้องทำการตรวจเช็คสภาพรถเข้มงวดกว่าแผนประกันอื่น เช่น ตรวจประเภทรถ ลักษณะการใช้รถ อายุรถ เป็นต้น
ระยะเวลาที่ควรตรวจเช็คสภาพรถ
อีกการตรวจเช็คสภาพรถที่สำคัญ ก็คือการเช็คระยะรถยนต์ เพื่อให้สามารถประเมินความผิดปกติของรถที่เราใช้อยู่ประจำได้ ซึ่งเป็นขั้นตอนเช็คสภาพรถที่เพิ่มขึ้นจากการเช็คลมยาง เช็คแบตเตอรี่ น้ำมันเครื่อง ไฟรถ เกียร์ เบรก ฯลฯ เหมือนกับทำการบำรุงรักษารถให้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยกับเรานั่นเององ
ระยะเวลาที่ควรตรวจเช็คสภาพรถ
- ระยะเวลา 1-6 เดือน หรือทุก 5,000 กิโลเมตร ต้องตรวจเช็คสภาพรถอะไรบ้าง
ตรวจเช็คยางรถยนต์ และการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ (ทุก 6 เดือน หรือทุก 5,000 กิโลเมตร) ตรวจเช็คจานเบรก และผ้าเบรกหน้า (ทุก 6 เดือน หรือทุก 5,000 กิโลเมตร) ตรวจเช็คน้ำมันเครื่องแบบสังเคราะห์และไส้กรอง (ทุก 6 เดือน หรือทุก 5,000 กิโลเมตร)
- ระยะเวลา 6-12 เดือน หรือทุก 10,000 กิโลเมตร ต้องตรวจเช็คสภาพรถอะไรบ้าง
ตรวจเช็คระบบคลัทช์ (ทุก 6 เดือน หรือทุก 10,000 กิโลเมตร) สลับยาง และถ่วงล้อ (ทุก 6 เดือน หรือทุก 10,000 กิโลเมตร) ตรวจเช็คที่ปัดน้ำฝน และที่ฉีดน้ำยาล้างกระจก (ทุก 6 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร) ตรวจเช็คจานเบรก ผ้าเบรกหลัง และดูการรรั่วซึมของท่อและสายน้ำมันเบรก (ทุก 6 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร) ตรวจเช็คระบบคลัทช์ และดูการรั่วซึมของท่อและสายน้ำมันคลัทช์ (ทุก 6 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร) ตรวจเช็คช่วงล่าง และอุดจารบี (ทุก 6 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร) ตรวจเช็คโช้คอัพ ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง (ทุก 12 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร) เปลี่ยนน้ำมันเครื่องแบบสังเคราะห์และไส้กรอง (ทุก 12 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร)
- ระยะเวลา 12-24 เดือน หรือทุก 20,000 กิโลเมตร ต้องตรวจเช็คสภาพรถอะไรบ้าง
ล้างห้องเครื่อง (ทุก 12 เดือน หรือ 20,000 กิโลเมตร) ตรวจเช็คน้ำมันเกียร์ (ทุก 12 เดือน หรือ 20,000 กิโลเมตร) ตรวจเช็คสายพานขับและสายพานเครื่องยนต์ (ทุก 12 เดือน หรือ 20,000 กิโลเมตร) ตรวจเช็คระบบบังคับเลี้ยว พวงมาลัย สายพานพาวเวอร์ (ทุก 12 เดือน หรือ 20,000 กิโลเมตร) ตรวจเช็คระบบคันชักคันส่ง ลูกหมาก ยางกันฝุ่น (ทุก 12 เดือน หรือ 20,000 กิโลเมตร)
- ระยะเวลา 12-24 เดือน หรือทุก 40,000 กิโลเมตร ต้องตรวจเช็คสภาพรถอะไรบ้าง
ควรเปลี่ยนน้ำมันเบรก (ทุก 24 เดือน หรือ 40,000 กิโลเมตร) ควรเปลี่ยนน้ำมันคลัทช์ (ทุก 24 เดือน หรือ 40,000 กิโลเมตร) ควรเปลี่ยนน้ำมันพวงมาลัย (ทุก 24 เดือน หรือ 40,000 กิโลเมตร) ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ออโต้ (ทุก 24 เดือน หรือ 40,000 กิโลเมตร) ควรเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์ (ทุก 24 เดือน หรือ 40,000 กิโลเมตร)
ตรวจเช็คสภาพรถที่ไหนดี?
ตรวจเช็คสภาพรถที่ไหนดีให้รถของเราได้รับการดูแลอย่างดีนั้น จำเป็นต้องเลือกจากคุณสมบัติสำคัญของศูนย์ที่ให้บริการ ดังนี้
การบริการ เลือกจากการให้บริการที่ได้มาตรฐานแบบครบวงจร มีการดูแลที่ครอบคลุมทุกปัญหา ดำเนินการตรวจสอบโดยช่างหรือบุคคลากรที่เชี่ยวชาญ ให้คำแนะนำหรือช่วยเหลือรวดเร็ว มีช่องทางการติดต่อที่สะดวกสบาย และมีสถานที่รองรับขณะรอบริการ
อะไหล่หรืออุปกรณ์ มีอะไหล่รถยนต์หลากหลายยี่ห้อไว้รองรับหากอะไหล่เกิดความเสียหายจนจำเป็นต้องมีการเปลี่ยน มีการใช้เครื่องมือ และอุปกรณ์ที่ได้รับมาตรฐาน
ตรวจเช็คสภาพรถราคา
-
ตรวจเช็คสภาพรถจักรยานยนต์ ราคาประมาณคันละ 60 บาท
-
ตรวจสภาพรถยนต์ ควรเช็ครถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 1,600 กิโลกรัม ราคาประมาณคันละ 150 บาท
-
ตรวจสภาพรถยนต์ ควรเช็ครถยนต์ ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 1,600 กิโลกรัม ราคาประมาณคันละ 250 บาท
ประกันชั้น 1 ต้องตรวจเช็คสภาพรถไหม?
สำหรับคนที่จะเลือกซื้อแผนประกันรถยนต์ชั้น 1 โดยทั่วไปจะต้องตรวจเช็คสภาพรถเพื่อให้ได้รับการอนุมัติกรมธรรม์จากบริษัทประกัน ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 วิธีในการตรวจสอบ ดังนี้
วิธีที่ 1 บริษัทประกันจะขอให้เราถ่ายรูปรถยนต์ตามเงื่อนไขของแผนประกันส่งให้หลังจากที่เราชำระเงินครบแล้ว และดำเนินการอนุมัติกรมธรรม์ให้ทันทีโดยไม่ต้องไปตรวจเช็คสภาพรถ
วิธีที่ 2 หลังจากชำระครบแล้ว เราจะต้องนำรถไปตรวจเช็คสภาพรถที่ศูนย์บริการ จากนั้นบริษัทประกันถึงจะทำการอนุมัติกรมธรรม์ให้กับเรา
ทำประกันภัยรถยนต์ วิริยะ กรุงเทพ คุ้มภัย
มองหาประกันภัยอยู่หรือไม่ ทำประกันผ่านแสงทองโบรคเกอร์รับส่วนลดและสิทธิพิเศษได้เลย สอบถามได้ทุกประกันวินาศภัย ใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์หรือต้องการทำประกันรถยนต์ เราขอแนะนำประกันรถยนต์ผ่านแสงทองโบรคเกอร์ มีส่วนลดสุดพิเศษ ทำประกันภัยรถยนต์ก็เป็นสิ่งสำคัญในการคุ้มครองรถยนต์ของคุณได้ไม่ว่าจะเป็น ประกันชั้น 1 ที่ดูแลครบ จบทุกความต้องการหรือ ประกันรถยนต์ 2+ ซื้อง่ายคุ้มครองเร็ว หรือประกันรถยนต์ 3+ ประกันคุ้มจบในที่เดียว และใครที่กำลังมองหาการต่อพ.ร.บ.รถยนต์ที่คุ้มค่า ที่แสงทองโบรคเกอร์เรามีครบจบที่เดียวสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติม ประกันรถยนต์ออนไลน์ หรือ คุยกับเจ้าหน้าที่โดยตรง ติดต่อปรึกษา ออนไลน์
ใหม่!!! โปรโมชั่นประกันภัย สำหรับท่านลูกค้าคนพิเศษ โปรโมชั่นสิทธิจำนวนจำกัด!!! รับส่วนลดพิเศษเฉพาะคุณ รับส่วนลดสุดพิเศษจากเบี้ยสุทธิ!!! (รวมส่วนลดพิเศษจากบริษัทประกันภัยทุกอย่าง อาทิเช่น ส่วนลดกล้อง แอป ประวัติดี เป็นต้น) ถ้าคุณเป็นผู้โชคดีเห็นข้อความนี้ ติดต่อเลยทันที บริษัท แสงทอง โบรคเกอร์ จำกัด สิทธิพิเศษมีจำนวนจำกัด
บทความยอดนิยมที่คนส่วนใหญ่สนใจ

รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นทั่วโลก เนื่องจากผู้คนเริ่มตระหนักถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และผลกระทบที่รถยนต์ที่ใช้ก๊าซแบบดั้งเดิมมีต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้า สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจตัวเลือกการประกันภัยที่มีให้คุณ
ประกันภัย แสงทองโบรคเกอร์

สุขภาพที่ดีเป็นพื้นฐานของชีวิตที่มีความสุขและเติมเต็ม ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณรู้สึกดีทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวมอีกด้วย
ประกันภัย แสงทองโบรคเกอร์

รู้สึกว่ารถเอียงเวลาขับรถ ยางรถยนต์เป็นเพียงชิ้นส่วนเดียวของรถยนต์ที่สัมผัสกับพื้นถนน ยางรถยนต์จึงมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการขับขี่ที่ปลอดภัย เมื่อยางได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสมให้อยู่ในสภาพที่ดีและพร้อมใช้งานอยู่เสมอ ยางรถยนต์ของคุณก็จะสามารถมอบประสบการณ์ขับขี่ที่ราบรื่นตลอดทาง
ประกันภัย แสงทองโบรคเกอร์

รถพังยับ ทำอย่างไร เวลาอุบัติเหตุรถพังยับ บริษัทประกันจะประเมินว่าหากการซ่อมแซมให้รถกลับมาอยู่ในสภาพเดิมมีค่าใช้จ่ายมากเกินกว่า 70% ของมูลค่ารถ จะเข้าลักษณะรถเสียหายโดยสิ้นเชิง
ประกันภัย แสงทองโบรคเกอร์

ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน ภัยคุกคามความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นปัญหาที่แท้จริงสำหรับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่การรั่วไหลของข้อมูลไปจนถึงการโจมตีทางไซเบอร์ ธุรกิจต่าง ๆ มีความเสี่ยงต่อภัยคุกคามทางออนไลน์ที่หลากหลาย ซึ่งอาจสร้างความเสียหายทางการเงินและชื่อเสียงอย่างมาก
ประกันภัย แสงทองโบรคเกอร์

อุบัติเหตุทางรถยนต์สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด ทำให้คุณมีรถที่เสียหายและอาจต้องรับผิดต่อความเสียหายต่อผู้อื่น ประกันภัยรถยนต์แบบครอบคลุมให้ความอุ่นใจ มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับความคุ้มครองทางการเงินในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือเหตุไม่คาดฝันอื่นๆ
ประกันภัย แสงทองโบรคเกอร์